คำตอบ (1): ตามข้อ 26 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ได้กำหนดว่า เมื่อถึงเวลานัดประชุมและสมาชิกสภาท้องถิ่นมาครบองค์ประชุมแล้ว แต่ไม่มีประธานสภาท้องถิ่นและรองประธานสภาท้องถิ่น ก็ให้สมาชิกสภาท้องถิ่นผู้มีอายุมากที่สุด ซึ่งอยู่ในที่ประชุมคราวนั้นเป็นประธานที่ประชุมชั่วคราว เพื่อให้สมาชิกสภาท้องถิ่นเลือกกันเองเป็นประธานที่ประชุมคราวนั้น ประธานที่ประชุมคราวนั้นต้องจัดให้มีการเลือกประธานสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามข้อ 15 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2547 โดยประธานที่ประชุมคราวนั้นทำหน้าที่ประธานที่ประชุมเพื่อเลือกประธานสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณีของ อบต. ประธานที่ประชุมคราวนั้น รายงานผลการเลือกประธานสภา อบต. แทนตำแหน่งที่ว่างต่อนายอำเภอ และเมื่อนายอำเภอแต่งตั้งประธานสภา อบต. แล้ว จึงมาดำเนินการเลือก
รองประธานสภา อบต. แทนตำแหน่งที่ว่างต่อไป
ซึ่งประธานสภา อบต. และรองประธานสภา อบต.
จะปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อนายอำเภอมีคำสั่งแต่งตั้ง
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (2): ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2552
ได้กำหนดให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม
ของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจทำคำร้องยื่นต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจยื่นคำร้องต่อประธานสภาองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดขอให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญได้ ดังนั้น พ.ร.บ. อบจ. มาตรา 25 จึงเป็นการยื่นคำร้องให้ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เรียกประชุมสมัยวิสามัญ มิใช่การเสนอญัตติ เพราะการเสนอญัตติเป็นการเสนอเรื่องเพื่อให้สภาท้องถิ่นพิจารณา
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (3): ญัตตินั้นสภาท้องถิ่นต้องพิจารณาเป็นรายญัตติไป แต่หากผู้บริหารท้องถิ่น เป็นผู้เสนอญัตติเห็นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องเดียวกันก็จะนำมารวมเป็นญัตติเดียวกันก็ได้ เช่น ญัตติขอจ่ายขาดเงินสะสม อาจนำเอารายการจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ มารวมเป็นญัตติเดียวกันก็ได้
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (4): หลักเกณฑ์การขอเปลี่ยนแปลงชื่อ
(๑) ชื่อเดิมมีความหมายไม่ดีไม่สุภาพหรือไม่เป็นมงคล
(๒) การเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อแสดงถึงความเป็นมาทางภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ดั้งเดิมสามารถพิสูจน์ได้จากเอกสารบุคคลหรือสถานที่
(๓) ชื่อที่เสนอขอเปลี่ยนแปลงต้องไม่ขัดต่อวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีของประชาชนและเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
(๔) ขอเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิมซึ่งมีความหมายดีประชาชนนิยมเรียกขานเป็นระยะเวลายาวนานและเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป
(๕) การขอเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อใช้ภาษาท้องถิ่นซึ่งมีความหมายในทางที่ดีและถือเป็นการอนุรักษ์ด้านภาษา
(๖) การขอเปลี่ยนแปลงชื่อเป็นกรณีพิเศษโดยได้รับพระราชทานชื่อใหม่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและพระบรมวงศานุวงศ์หรือสมเด็จพระสังฆราชประทานให้
(๗) ชื่อเดิมไปตรงหรือพ้องกันกับชื่อส่วนราชการอื่นที่อยู่ในเขตติดต่อกันหรือในบริเวณเดียวกัน
ขั้นตอนการขอเปลี่ยนแปลงชื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อปท. จัดทำเรื่องเสนอขอเปลี่ยนมายังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในเบื้องต้นก่อนและให้นำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัดอำเภอและตำบลหมู่บ้านหรือสถานที่ราชการอื่นๆเพื่อพิจารณาต่อไปโดยจัดทำเอกสารดังต่อไปนี้ จำนวน ๑๕ ชุด
(๑) สำเนารายงานการประชุมสภา อปท.
(๒) สำเนารายงานการประชุมราษฎรในเขตพื้นที่
(๓) ความเห็นชอบของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด
(๔) รายงานประวัติความเป็นมาข้อเท็จจริงของสถานที่ที่ขอเปลี่ยนชื่อนั้นโดยสังเขปพร้อมทั้งเหตุผลในการขอเปลี่ยนแปลงชื่อและอธิบายความหมายของคำที่ขอเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจน
(๕) ทำแผนที่โดยสังเขปแสดงที่ตั้งของสถานที่ที่จะขอเปลี่ยนแปลงชื่อและสถานที่ใกล้เคียงที่สำคัญอื่นๆไว้ด้วย
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (5): หลักเกณฑ์การจัดตั้งเป็นเทศบาลเมือง
(๑) ท้องถิ่นอันเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัด หรือท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีราษฎรตั้งแต่หนึ่งหมื่นคนขึ้นไป และ
(๒) มีรายได้พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่อันต้องทำตามพระราชบัญญัตินี้
หลักเกณฑ์การจัดตั้งเทศบาลนคร
(๑) ท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีราษฎรตั้งแต่ห้าหมื่นคนขึ้นไป และ
(๒) มีรายได้พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่อันต้องทำตามพระราชบัญญัตินี้
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (6): ได้ มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
(๑) ประชาชนที่มีความประสงค์จะไปอยู่กับเทศบาลอื่น ยื่นคำร้องต่อเทศบาลที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่และเทศบาลที่ต้องการจะไปอยู่
(๒) เทศบาลทั้งสองแห่งตรวจสอบเหตุผลและความจำเป็น แล้วรายงานผู้กำกับดูแล
(๓) จังหวัดจัดประชุมราษฎรในเขตเทศบาลที่จะแยกพื้นที่บางส่วน และเทศบาลที่จะรับรวม
(๔) หากประชาชนในเขตเทศบาลที่จะแยกพื้นที่บางส่วน ยินยอมให้ไป และเทศบาลที่จะรับรวมยินยอมรับ ให้จัดส่งเอกสารให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน ๓๐ ชุด ดังนี้
(๔.๑) สำเนารายงานการประชุมราษฎร ตามข้อ (๓)
(๔.๒) เหตุผลความจำเป็นของเทศบาลที่จะแยกพื้นที่ไปรวม และเทศบาลที่รับพื้นที่มารวม
(๔.๓) ข้อมูลพื้นฐานของเทศบาลทั้งสองแห่ง
(๔.๔) ความเห็นของสภาเทศบาลทั้งสองแห่ง
(๔.๕) ความเห็นของอำเภอ และจังหวัด
(๔.๖) แผนที่และคำบรรยายแนวเขตใหม่ของเทศบาลทั้งสองแห่ง ขนาด ๑:๕๐๐๐๐
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (7): ได้ มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
(๑) ประชาชนในพื้นที่ที่จะขอแยกพื้นที่บางส่วน ยื่นคำร้องแสดงความประสงค์ต่อองค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล
(๒) องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ
(๓) องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลรายงานนายอำเภอในพื้นที่
(๔) นายอำเภอจัดให้มีการสำรวจเจตนารมณ์ของประชาชน ตามระเบียบฯ
(๕) ส่งข้อมูลให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน ๓๐ ชุด ดังนี้
(๕.๑)แบบสำรวจข้อมูลพื้นฐานซึ่งผ่านความเห็นชอบจากนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดตามลำดับ
(๕.๒)สำเนารายงานการประชุมสภาทั้งสองแห่ง
(๕.๓) ประกาศผลการสำรวจเจตนารมณ์ตามแบบ สจร. ๑๑
(๕.๔)แผนที่แนวเขต (มาตราส่วน ๑:๕๐,๐๐๐) และคำบรรยายแนวเขตแนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (8): ได้ โดยมีเงื่อนไขและแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
(๑) มีพื้นที่ติดต่อกันภายในเขตอำเภอเดียวกัน
(๒) ให้อำเภอจัดประชุมราษฎรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะไปรวมและราษฎรในเขตเทศบาลที่จะรับรวม ว่ามีความประสงค์จะไปรวมหรือจะรับรวมหรือไม่
(๓) หากประชาชนเสียงข้างมากในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะไปรวมและประชาชนในเขตเทศบาลที่จะรับรวม มีความประสงค์ที่จะไปรวมและรับรวม ให้จัดส่งเอกสาร ดังต่อไปนี้ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อดำเนินการต่อไป
(๓.๑) สำเนารายงานการประชุม ตามข้อ (๒)
(๓.๒) คำบรรยายแนวเขตและแผนที่แนวเขตใหม่ ขนาด ๑:๕๐๐๐๐
(๓.๓) ข้อมูลเบื้องต้นในการรวมองค์การบริหารส่วนตำบลกับเทศบาล
(๓.๔) ความเห็นของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะไปรวมและสภาเทศบาลที่จะรับรวม
(๓.๕) ความเห็นของอำเภอและจังหวัด
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (9): ได้ ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ของการเป็นเทศบาลเมือง คือ เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด หรือมีจำนวนประชากรตั้งแต่หนึ่งหมื่นคนขึ้นไป
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (10): องค์การบริหารส่วนตำบลที่ประสงค์จะจัดตั้งเป็นเทศบาล ให้ดำเนินการ ดังนี้
(๑) นำเรื่องเสนอให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลพิจารณา
(๒) จัดประชุมประชาคมหมู่บ้าน เพื่อสำรวจเจตนารมณ์ของประชาชนว่า
(๓) ส่งข้อมูลให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน ๓๐ ชุด ดังนี้
(๓.๑)แบบสำรวจข้อมูลพื้นฐานซึ่งผ่านความเห็นชอบจากนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดตามลำดับ
(๓.๒)สำเนารายงานการประชุมสภาท้องถิ่น ในคราวซึ่งมติเห็นชอบให้จัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงฐานะ
(๓.๓)แผนที่แนวเขต (มาตราส่วน ๑:๕๐,๐๐๐) และคำบรรยายแนวเขตแนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย กรณีองค์การบริหารส่วนตำบลให้ยึดถือแนวเขตตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอ.........จังหวัด.........กรณีเทศบาลให้ยึดถือแนวเขตตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลนั้น หรือตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลนั้น แล้วแต่กรณี
(๓.๔)สำเนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดเขตเทศบาลในท้องที่อำเภอ...........................จังหวัด.....................................หรือสำเนาพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาล..............................พ.ศ. .... หรือสำเนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาล.................................. พ.ศ. ....(ฉบับที่ใช้กำหนดแนวเขตการปกครองในปัจจุบัน)
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (11): เรื่องนี้ต้องเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันยังไม่มี ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลใดที่มีความประสงค์จะขอจัดตั้งเป็นเทศบาล ให้เสนอเรื่องมาได้เลย
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง ** ]
คำตอบ (12): ญัตตินั้นสภาท้องถิ่นต้องพิจารณาเป็นรายญัตติไป แต่หากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นผู้เสนอญัตติเห็นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องเดียวกันก็จะนำมารวมเป็นญัตติเดียวกันก็ได้ เช่น ญัตติขอจ่ายขาดเงินสะสม อาจนำเอารายการจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ มารวมเป็นญัตติเดียวกันก็ได้
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (13): การบวชชีพราหมณ์ ไม่ถือเป็นนักพรตหรือนักบวช ดังนั้น กรณีดังกล่าวไม่ถือว่านายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามแต่อย่างใด
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (14): ตามมาตรา ๖๔ วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดว่า ในระหว่างที่ไม่มีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลให้ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลปฏิบัติหน้าที่ของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเท่าที่จำเป็นได้เป็นการชั่วคราวจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ดังนั้น กรณีนี้จึงต้องใช้คำว่า ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าว
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (15): ตามมาตรา ๒๕ แห่ง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้กำหนดให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจทำคำร้องยื่นต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจยื่นคำร้องต่อประธานสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดขอให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญได้ เป็นเพียงการยื่นคำร้องให้ประธานสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด เรียกประชุมมิใช่การเสนอญัตติ เพราะการเสนอญัตติเป็นการเสนอเรื่องเพื่อให้สภาท้องถิ่นพิจารณา
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (16): ตามข้อ ๓๘ แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้กำหนดว่า ญัตติทั้งหลายต้องทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธานสภาท้องถิ่นล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าห้าวัน แต่อย่างไรก็ดี ตามข้อ ๓๘ วรรคห้า แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยฉบับเดียวกันได้กำหนดให้ญัตติบางประการสามารถเสนอด้วยวาจาในที่ประชุมสภาท้องถิ่นได้โดยให้นำความในข้อ ๓๙ มาใช้บังคับ กล่าวคือ (๖) ญัตติที่ประธานที่ประชุมเห็นควรอนุญาต
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (17): ตามข้อ ๒๖ แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้กำหนดว่า เมื่อถึงเวลานัดประชุมและสมาชิกสภาท้องถิ่นมาครบองค์ประชุมแล้ว แต่ไม่มีประธานสภาท้องถิ่นและรองประธานสภาท้องถิ่น ก็ให้สมาชิกสภาท้องถิ่นผู้มีอายุมากที่สุด ซึ่งอยู่ในที่ประชุมคราวนั้นเป็นประธานที่ประชุมชั่วคราว เพื่อให้สมาชิกสภาท้องถิ่นเลือกกันเองเป็นประธานที่ประชุมคราวนั้น ประธานที่ประชุมคราวนั้นต้องจัดให้มีการเลือกประธานสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามข้อ ๑๕
แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยประธานที่ประชุมคราวนั้นทำหน้าที่ประธานที่ประชุมเพื่อเลือกประธานสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณีของ อบต. ประธานที่ประชุมคราวนั้น รายงานผลการเลือกประธานสภา อบต. แทนตำแหน่งที่ว่างต่อนายอำเภอ และเมื่อนายอำเภอแต่งตั้งประธานสภา อบต. แล้ว จึงมาดำเนินการเลือกรองประธานสภา อบต. แทนตำแหน่งที่ว่างต่อไป
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]
คำตอบ (18): ญัตติต้องเสนอล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า ๕ วัน แม้จะอยู่นอกสมัยประชุมก็สามารถเสนอญัตติได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว และเมื่อถึงสมัยประชุมแล้ว ประธานสภาต้องบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมภายในกำหนดเวลาอันสมควร
[ กม. : กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]