Page 13 - น้ำอภิเษก พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
P. 13
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระรำชพิธีบรมรำชำภิเษก เป็นพระรำชพิธีท่กระท�ำเพื่อควำมเป็นพระมหำกษัตริย์อย่ำงสมบูรณ์
ี
ึ
ี
จัดข้นในโอกำสท่พระเจ้ำแผ่นดินพระองค์ใหม่เสด็จเถลิงถวัลยรำชสมบัติ สันนิษฐำนว่ำเป็นพระรำชพิธี
ี
ั
ท่ได้รับอิทธิพลจำกอินเดียซ่งชำวอำรยันจัดเป็นประเพณีด้งเดิมของตน เพรำะพระรำชพิธีบรมรำชำภิเษก
ึ
ของไทยมีลักษณะใกล้เคียงพิธีรำชสูยะหรือพิธีรำชำภิเษกของอินเดียโบรำณมำก แต่มีรำยละเอียดข้นตอน
ั
ี
ั
กำรประกอบพระรำชพิธีมำกกว่ำ ท้งน้เพรำะได้ผสมผสำนควำมเช่อและพิธีกำรท้งของศำสนำพรำหมณ์
ั
ื
ศำสนำพุทธ และคติควำมเชื่อตำมประเพณีดั้งเดิมของไทย
พิธีรำชสูยะ คือ พิธีข้นด�ำรงต�ำแหน่งกษัตริย์ของอินเดียตำมคติพิธีพรำหมณ์ สถำนท่ท�ำพิธี คือ พระรำช
ี
ึ
ี
ี
มณเฑียรหรือท้องพระโรง กลำงห้องต้งรำชสีหำสน์ (พระเก้ำอ้ท่ประทับท�ำด้วยไม้มีพนักท่วำงพระกร จ�ำหลัก
ี
ั
ี
ี
ั
ี
หัวรำชสีห์ท้งสองข้ำง หรือท่ขำเก้ำอ้สลักรูปรำชสีห์นั่งชันเข่ำ ต่อมำลดลงเหลือเพียงท�ำขำเก้ำอ้เป็นแบบ
ี
ขำสิงห์) ลำดด้วยพรมขนสัตว์อย่ำงดีเน้อละเอียดแล้วปูทับด้วยหนังรำชสีห์ซ่งต้งอยู่หน้ำบัลลังก์ท่มีบันได ๓ ข้น
ึ
ั
ื
ั
ึ
ั
สองข้ำงของรำชสีห์น้นด้ำนหน่งตั้งกูณฑ์ (เตำไฟ) มีปุโรหิตกับฐำนำนุกรมอยู่ประจ�ำ อีกด้ำนหน่งต้งต่งอุทุมพร
ึ
ั
ั
ั
ื
(ต่งไม้มะเด่อ) ส�ำหรับพระมหำกษัตริย์ประทับสรงพระมุรธำภิเษก ถัดออกมำเป็นพวกหัวหน้ำวรรณะท้งส่ท่มำ
ั
ี
ี
ี
ึ
ั
ประชุมพร้อมกัน น่งเรียงโค้งไปด้ำนหน้ำตำมแนวพระจันทร์คร่งซีก มีข้นตอนท่ส�ำคัญคือกำรถวำยน�้ำอภิเษก
ั
กำรกระท�ำสัตย์ และกำรถวำยรำชสมบัติ
ี
ื
ื
ื
กำรถวำยน�้ำอภิเษก เม่อได้ฤกษ์ตำมท่ก�ำหนด พระมหำกษัตริย์จะทรงเคร่องขำวหรือเคร่องถอด ข้น
ึ
ประทับน่งขัดสมำธิบนตั่ง นักบวชและผู้ทรงภูมิด้ำนวิทยำคมเช่นพรำหมณ์หยอดเนยเพื่อโหมเพลิงกองกูณฑ์
ั
ั
ั
(กองเพลิง) โหรร่ำยมนตร์ ปุโรหิตบูชำยัญและประกำศขอพรต่อเทพเจ้ำ จำกน้นหัวหน้ำวรรณะท้งส่โปรย
ี
ั
ี
ิ
�
ี
ี
น้ำมุรธำภิเษก (น�้ำจำกสถำนท่อันเป็นมงคลต่ำงๆ) สรงองค์พระมหำกษัตรย์ นับเป็นข้นตอนท่ส�ำคัญท่สุด
เพรำะถือว่ำเป็นกำรช�ำระควำมไม่บริสุทธิ์ต่ำงๆ เพื่อเตรียมรับสิ่งที่เป็นมงคล
กำรกระท�ำสัตย์ หลังจำกสรงน้ำพระมุรธำภิเษกแล้ว พระมหำกษัตริย์ทรงเคร่องศิรำภรณ์ ได้แก่ สวม
�
ื
กะบังหน้ำ (พระอุณหิส) พระภูษำ ห่มผ้ำรัตกัมพล เสด็จประทับบนบัลลังก์ ทรงยืนบนหนังรำชสีห์ ปุโรหิต
ประกำศพระนำมและพระมหำกษัตริย์ทรงกระท�ำสัตย์สำบำนที่จะปกครองบ้ำนเมืองโดยธรรม
ื
กำรถวำยรำชสมบัติ เม่อเสร็จส้นพิธีกำรกระท�ำสัตย์สำบำนแล้ว พระมหำกษัตริย์เสด็จข้นประทับบน
ึ
ิ
รำชสีหำสน์ บรรดำพรำหมณ์ถวำยน�้ำเทพมนตร์และสวดถวำยพระพรแล้วถวำยเครื่องสิริรำชสมบัติ
ึ
จำกนั้นเสด็จข้นรถทรงแห่รอบรำชมณเฑียร (ต้นแบบกำรเสด็จพระรำชด�ำเนินเลียบพระนครภำยหลัง
็
์
้
ิ
ั
ั
้
้
์
ึ
ี
ั
ี
้
บรมรำชำภเษกแลวของไทย) และเสดจกลบขนประทบบนรำชสหำสนอีกครง มพรำหมณ ๔ คนแตงกำยดวย
่
หนังกวำงเข้ำไปถวำยบังคมเพื่อแสดงว่ำพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นพรำหมณ์เช่นกัน จำกนั้นบรรดำขุนนำง
ชั้นผู้ใหญ่และหัวหน้ำวรรณะทั้งสี่ทยอยเข้ำถวำยบังคมจนหมดจึงเสด็จพิธีรำชสูยะ
12 น�้ำอภิเษก