คำถามที่พบบ่อย

PMQA 4.0 คือ เครื่องมือประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 ให้กับหน่วยงานภาครัฐได้นำไปใช้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการยกระดับการบริหารจัดการองค์การไปสู่ระบบราชการ 4.0 โดยเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ซึ่งเห็นชอบข้อเสนอหลักการ มาตรการ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพิ่มเติม ตามมาตรา 50 แห่ง พ.ร.ฎ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 แผนการดำเนินการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐสู่ระบบราชการ 4.0 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ เพื่อเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยได้มีการกำหนดมิติในการพิจารณาจำนวน 3 มิติ 6 หมวด ดังนี้ มิติที่ 1 ภาครัฐที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน - หมวด 1 การนำองค์การ - หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ - หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ - หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ มิติที่ 2 การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง - หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้บริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร - หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ มิติที่ 3 มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย - หมวด 2 การวางแผนเชิงกลยุทธศาสตร์ - หมวด 5 การมุ่งเน้บุคลากร - หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ

[ ก.พ.ร.สถ: กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ]

แนวคิดและวิธีการทำงานของภาครัฐรูปแบบใหม่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนากระบวนการทำงานให้มีความโปร่งใส ทันสมัยเพื่อยกระดับเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยมีหลักการดังนี้ (1) การเปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน (Open & Connected Government) คือ ระบบราชการจะต้องมีความเปิดเผยโปร่งใส ให้ภาคส่วนอื่น สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบการทำงานของราชการ พร้อมเปิดโอกาสให้แต่ละภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม (2) การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen-Centric Government) ภาครัฐจะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อจัดหาและให้บริการที่ตรงกับความต้องการของประชาชน พร้อมจัดตั้งศูนย์บริการแบบ One Stop Service เพื่อให้บริการกับประชาชนเสร็จสิ้นในจุดเดียวและมีความรวดเร็ว (3) การมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย (Smart & High Performance Government) ภาครัฐจะต้องปรับเปลี่ยนตนเองได้ตลอดเวลา มีการเตรียมการล่วงหน้า รวมถึงการสร้างข้าราชการให้มีสมรรถนะสูง มีแนวทางการรักษาข้าราชการรุ่นใหม่ให้มีความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งการพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0 ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ ได้แก่ (1) การสานพลังระหว่างรัฐและภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม (Collaboration) ในรูปแบบประชารัฐ (2) การสร้างนวัตกรรม (Innovation) คิดค้นและแสวงหาวิธีการใหม่ๆ (3) การปรับเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล (Digitization / Digitalization) เพื่อบริการประชาชนได้สะดวก ปลอดภัย และประหยัด ตอบสนองความต้องการ ได้รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา

[ ก.พ.ร.สถ: กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ]

การเบิกค่าเบี้ยประชุมกรรมการ กรณีกรรมการมอบหมายผู้อื่นเข้าร่วมประชุมแทน ต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานการมอบหมาย จึงจะมีสิทธิได้รับค่าเบี้ยประชุม และใช้หลักฐานการมอบหมายนั้น ประกอบการเบิกจ่ายเงินทั้งนี้ เป็นไปตาม พรฏ.ค่าเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ 2)พ.ศ.2550

[ กตภ.: กลุ่มตรวจสอบภายใน ]

ตามข้อ 26 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ได้กำหนดว่า เมื่อถึงเวลานัดประชุมและสมาชิกสภาท้องถิ่นมาครบองค์ประชุมแล้ว แต่ไม่มีประธานสภาท้องถิ่นและรองประธานสภาท้องถิ่น ก็ให้สมาชิกสภาท้องถิ่นผู้มีอายุมากที่สุด ซึ่งอยู่ในที่ประชุมคราวนั้นเป็นประธานที่ประชุมชั่วคราว เพื่อให้สมาชิกสภาท้องถิ่นเลือกกันเองเป็นประธานที่ประชุมคราวนั้น ประธานที่ประชุมคราวนั้นต้องจัดให้มีการเลือกประธานสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามข้อ 15 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2547 โดยประธานที่ประชุมคราวนั้นทำหน้าที่ประธานที่ประชุมเพื่อเลือกประธานสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณีของ อบต. ประธานที่ประชุมคราวนั้น รายงานผลการเลือกประธานสภา อบต. แทนตำแหน่งที่ว่างต่อนายอำเภอ และเมื่อนายอำเภอแต่งตั้งประธานสภา อบต. แล้ว จึงมาดำเนินการเลือก รองประธานสภา อบต. แทนตำแหน่งที่ว่างต่อไป ซึ่งประธานสภา อบต. และรองประธานสภา อบต. จะปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อนายอำเภอมีคำสั่งแต่งตั้ง

[ กม.: กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]

ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2552 ได้กำหนดให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจทำคำร้องยื่นต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจยื่นคำร้องต่อประธานสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดขอให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญได้ ดังนั้น พ.ร.บ. อบจ. มาตรา 25 จึงเป็นการยื่นคำร้องให้ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เรียกประชุมสมัยวิสามัญ มิใช่การเสนอญัตติ เพราะการเสนอญัตติเป็นการเสนอเรื่องเพื่อให้สภาท้องถิ่นพิจารณา

[ กม.: กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]

ญัตตินั้นสภาท้องถิ่นต้องพิจารณาเป็นรายญัตติไป แต่หากผู้บริหารท้องถิ่น เป็นผู้เสนอญัตติเห็นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องเดียวกันก็จะนำมารวมเป็นญัตติเดียวกันก็ได้ เช่น ญัตติขอจ่ายขาดเงินสะสม อาจนำเอารายการจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ มารวมเป็นญัตติเดียวกันก็ได้

[ กม.: กองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น ]

ไม่ต้องจัดทำแบบ ปค.6 แต่ให้ระบุไว้ในแบบ ปค.1 หรือหนังสือนำส่งว่า"ไม่มีผู้ตรวจสอบภายในหรือผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจสอบภายในจึงไม่ได้จัดทำแบบ ปค.6"

[ ตบ.: กองตรวจสอบระบบการเงินบัญชีท้องถิ่น ]

3.1 กรณี อบต. และ ทต. ส่งแบบ ปค.1 แบบ ปค.4 แบบ ปค.5 และแบบ ปค.6 ให้นายอำเภอ โดยคณะกรรมการที่นายอำเภอจัดให้มีขึ้นจะรวบรวม และสรุปรายงานของ อปท. ระดับอำเภอ ส่งให้ สถจ. ภายใน 90 วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ 3.2 กรณี ทม. ทน. และ อบจ. ส่งแบบ ปค.1 แบบ ปค.4 แบบ ปค.5 และแบบ ปค.6 ให้ สถจ. ภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ กรณี อปท. ไม่มีผู้ตรวจสอบภายในหรือผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจสอบภายในไม่ต้องส่งแบบ ปค.6 โดยให้ระบุไว้ในแบบ ปค.1 หรือหนังสือนำส่งว่า "ไม่มีผู้ตรวจสอบภายใน หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจสอบภายใน จึงไม่ได้จัดทำแบบ ปค.6"

[ ตบ.: กองตรวจสอบระบบการเงินบัญชีท้องถิ่น ]

สำนักปลัดควรเป็นเลขานุการของคณะกรรมการ ซึ่งเมื่อแต่ละสำนัก/กองประเมินผลระดับหน่วยงานของตนเองแล้ว คณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ฯ ข้อ 5 เป็นผู้มีหน้าที่ประเมินผลระดับ อปท.

[ ตบ.: กองตรวจสอบระบบการเงินบัญชีท้องถิ่น ]

ผู้บริหารท้องถิ่นสามารถพิจารณาหรือมอบหมายผู้มีความรู้ ความสามารถให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจสอบภายในได้ ซึ่งผู้ที่ได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมายดังกล่าว ก็จะปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ตรวจสอบภายใน

[ ตบ.: กองตรวจสอบระบบการเงินบัญชีท้องถิ่น ]