คำตอบ (41): ตามแนวทางหนังสือสั่งการ ที่ มท ๐๘๙๐.๒/ว ๓๑๕๖ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๗ ให้ส่งเรื่องให้ กรมฯ พิจารณาก่อน วันครบวาระหรือวันที่มีความประสงค์จะจัดตั้งเป็นเทศบาล ไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน ทั้งนี้ เพื่อให้มีเวลาในการตรวจสอบแก้ไขเอกสาร แผนที่แนวเขต เตรียมเสนอเรื่องเข้าประชุม และ นำเสนอรัฐมนตรีได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม ดังนั้น กรณีที่จะหมดวาระเดือน ส.ค. ๒๕๕๕ แล้วจะส่งเรื่องภายในเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. ๒๕๕๕ สามารถเข้าสู่การพิจารณาได้ทัน
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง **]
คำตอบ (42): หากต้องการทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงาน ทั้งก่อนส่งเรื่องและหลังจากที่ส่งเรื่องให้กรมฯดำเนินการแล้ว สอบถามได้ที่สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบและโครงสร้าง โทร. ๐๒-๒๔๑๙๐๐๐ ต่อ ๒๓๗๑ ? ๒๓๗๓
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง **]
คำตอบ (43): หากเป็นเทศบาลที่ยกฐานะในปีงบประมาณ ๒๕๕๓ จะได้รับเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่เกิน ๕๐% ของเงินที่ได้รับในปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ตามประกาศของคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ทั้งนี้ ควรจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สำนักบริหารการคลังท้องถิ่น โทร. ๐๒-๒๔๑๙๐๔๐ /๐๒-๒๔๑๙๐๔๓และ ๐๒-๒๔๑๙๐๔๗ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องโดยตรง ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการให้
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง **]
คำตอบ (44): การจัดตั้ง อบต. เป็นเทศบาลจะขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ปัจจุบัน อบต. ที่ประสงค์จะจัดตั้งเป็น ทต. ก็สามารถส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาได้ ตามแนวทางหนังสือสั่งการ ที่ มท ๐๘๙๐.๒/ว ๓๑๕๖ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๗ ส่วนจะยก อบต. เป็น ทต. ทั้งหมดในคราวเดียวกัน จะต้องตราเป็น พ.ร.บ. ซึ่งเป็นเรื่องเชิงนโยบายที่จะต้องพิจารณาต่อไป
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง **]
คำตอบ (45): ยังไม่ได้แก้ไขกฎหมาย หากยังเป็น อบต. ก็ต้องมี ส.อบต. หมู่บ้านละ ๒ คน ตามที่กฎหมายกำหนด
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง **]
คำตอบ (46): ยังไม่ได้แก้ไขกฎหมาย คงเป็นไปตามกฎหมายปัจจุบัน กล่าวคือ เมื่อมีประกาศจัดตั้งเป็นเทศบาล ผู้บริหารและสมาชิกสภา อบต. ต้องพ้นจากตำแหน่งและสิ้นสุดสมาชิกภาพ ตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ
[ สน.พร. : สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบ และโครงสร้าง **]
