สถ. เตรียมความพร้อมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565
นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการว่า พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 และมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 90 วัน พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายกลางในการส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐสามารถปฏิบัติงานและให้บริการโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก โดยใช้บังคับกับหน่วยงานของรัฐ ได้แก่ ราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐทุกหน่วย แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือมหาชนจำกัด
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งแนวทางการปฏิบัติและการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานของรัฐ แผนการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 และมาตรฐานสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ว่าด้วยแนวปฏิบัติกระบวนการทางดิจิทัลภาครัฐ ให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับทราบ
สำหรับแนวทางปฏิบัติและการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานของรัฐเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 มีดังนี้
1) มาตรา 3 พระราชบัญญัติฯ ครอบคลุมการดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ในมาตรา 35 (การดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในเรื่องคำขอ การอนุญาต การจดทะเบียน คำสั่งทางปกครอง การชำระเงิน การประกาศหรือการดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมาย)
2) มาตรา 7 หน่วยงานของรัฐต้องรับคำขอและเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเอกสารหลักฐานไม่ต้องลงนามรับรองโดยผู้ส่ง และเมื่อส่งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าส่งครบตามจำนวนแล้ว หากมีการกำหนดให้ยื่นมากกว่า 1 ชุด
3) มาตรา 7 วรรคท้าย หน่วยงานของรัฐจะต้องตรวจสอบงานบริการที่มีลักษณะจดทะเบียนที่ต้องดำเนินการเองเฉพาะตัว หรือที่ไม่สามารถรับเรื่องหรือดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพื่อประสานการออกกฎกระทรวงยกเว้นต่อไป 4) มาตรา 8 หากหน่วยงานของรัฐกำหนดวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม จะต้องสะดวกกับประชาชนมากกว่าช่องทางปกติ หรือเพื่อประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงให้แก่ประชาชน รวมทั้งต้องไม่เพิ่มภาระหรือค่าใช้จ่ายให้ประชาชนเกินความจำเป็น
5) มาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 20 หน่วยงานของรัฐจะต้องกำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนติดต่อราชการ และระบบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (มาตรา 20 วรรคหนึ่ง)
6) มาตรา 10 วรรคสอง เจ้าหน้าที่ที่ได้รับเรื่องหากไม่มีหน้าที่หรืออำนาจในการดำเนินการ จะต้องส่งเรื่องต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่โดยตรง
กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ต่างหน่วยงานกัน จะแจ้งให้ประชาชนติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่โดยตรงได้ แต่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบว่าหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงเรื่องนั้น
7) มาตรา 11 หน่วยงานของรัฐจะต้องติดต่อหรือดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับการอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หากประชาชนดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ประชาชนจะระบุเป็นอย่างอื่น
8)มาตรา 12 หน่วยงานของรัฐจะต้องจัดทำสำเนาเองหากมีความจำเป็น โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่าย
9) มาตรา 13 (1) และมาตรา 21 ผู้รับใบอนุญาตสามารถแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อหน่วยงานของรัฐออกประกาศกำหนดวิธีการแสดงใบอนุญาตฯ หรือในระหว่างยังไม่มีการออกประกาศ ผู้รับใบอนุญาตจะแสดงใบอนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างใดก็ได้ และถือว่าการแสดงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
10) มาตรา 13 (2) และมาตรา 21 หน่วยงานของรัฐจะต้องเปิดเผยข้อมูลการอนุญาตให้ประชาชนตรวจสอบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หากยังไม่มีช่องทางดังกล่าว ต้องส่งข้อมูลให้แก่ประชาชนที่ขอข้อมูลภายใน 3 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
11) มาตรา 14 หน่วยงานของรัฐจะต้องรวบรวมว่ามีบัตร ใบอนุญาตหรือเอกสารสำคัญใดที่ไม่สามารถแสดงเป็นภาพอิเล็กทรอนิกส์หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะต้องกำหนดไว้ในกฎกระทรวง
12) มาตรา 15 วรรคหนึ่ง การติดต่อหรือส่งเรื่องถึงกันของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ และประชาชน ถ้าได้กระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าเป็นการชอบและใช้เป็นหลักฐานตามกฎหมายได้
13) มาตรา 15 วรรคสอง กรมบัญชีกลางและหน่วยงานของรัฐอื่น เช่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะต้องตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบหรือข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้เอกสารหลักฐานที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเร็ว ในระหว่างที่ยังไม่แก้ไขเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังคงสามารถใช้เป็นหลักฐานได้โดยชอบ
และ 14) มาตรา 16 และมาตรา 20 เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามระบบ
ที่หัวหน้าหน่วยงานของรัฐกำหนด แทนการดำเนินการต่าง ๆ ที่มีกฎหมายหรือกฎกำหนดว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือลายลักษณ์อักษร ซึ่งถือว่าดำเนินการโดยชอบทางกฎหมายแล้ว
|